บอร์ดภาพยนตร์ มีมติ 18 ต่อ 4 เสียง ห้ามฉาย “เชคสเปียร์ต้องตาย”

5.11.2012

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 พฤษภาคม 2555 18:14 น.
http://www.manager.co.th/qol/viewnews.aspx?NewsID=9550000058363



บอร์ดภาพยนตร์ แบน เชคสเปียร์ต้องตาย มติเอกฉันท์ 18 ต่อ 4 เสียง “ห้ามฉาย” ด้านรองปลัด วธ.ชี้ ต้องแก้ พ.ร.บ.ภาพยนตร์ฯ มีความล้าหลัง เสียดายคนไทย-ต่างชาติ ไม่ได้ดู ส่วน ผู้สร้างขู่ ฟ้องศาลปกครอง-กรรมการสิทธิ์ ฉายหนังให้ถูกจับกุมประจานรัฐบาลไทย

วันนี้ (11 พ.ค.) ที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้มีการประชุมคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ โดยมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ได้มีการพิจารณา ว่า จะมีการอนุญาตให้ฉายภาพยนตร์ เชคสเปียร์ต้องตาย หรือไม่ หลังจากที่คณะกรรมการภาพยนตร์ฯได้ชมภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวไปเมื่อเมื่อวัน ที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยนางสุกุมล
คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า คณะกรรมการภาพยนตร์ฯ มีมติยืนยันตามมติคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ คณะที่ 3 ไม่อนุญาตให้ภาพยนตร์ เชคสเปียร์ต้องตาย ฉายในประเทศ โดยลงมติไม่ให้ฉาย 18 เสียง ให้ฉาย 4 เสียง และงดออกเสียง 1 เสียง ทั้งนี้ คณะกรรมการภาพยนตร์ฯ ให้เหตุผลว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ก่อให้เกิดความไม่สงบในสังคม ซึ่งขั้นตอนจากนี้ไป ทางผู้จัดสร้างภาพยนตร์มีสิทธิ์ที่จะดำเนินการทางกฎหมาย โดยสามารถร้องศาลปกครองภายใน 90 วัน

ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ รองปลัด วธ.ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการภาพยนตร์ฯ กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่า เราจะมีเรตติ้งไว้ทำไม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ 2551 ทั้ง 7 เรตติ้งของ วธ.ต้องมีการปรับปรุงแก้ไข กรณีของการห้ามฉายนั้น เมื่อคณะกรรมการเสนอมาอย่างนั้น เราก็ต้องยอมรับ ทั้งนี้ หนังเรื่องเชคสเปียร์ต้องตาย เป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่า เมื่อเดินมาถึงจุดหนึ่งแล้ว ไม่สามารถใช้ พ.ร.บ.ได้ ก็ควรมีการปรับปรุงแก้ไข ในฐานะของตนที่เป็นผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการภาพยนตร์ฯ รู้สึกอึดอัดพอสมควร เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะยังไงก็ตามต้องเคารพมติของบอร์ด

ด้านนายมานิต ศรีวานิชภูมิ ผู้สร้างภาพยนตร์ เชคสเปียร์ต้องตาย กล่าวว่า ตนคิดว่า หนังเรื่องนี้จะเป็นตัวอย่างหนึ่งปัญหาของสังคมไทย ในเรื่องของประชาธิปไตย เราไม่สามารถที่จะทำหนังที่มีคุณภาพ หรือสะท้อนสังคมไทยได้ เมื่อทำแล้วเราจะประสบชะตากรรมอย่างนี้ แล้วเราก็เรียกร้องให้หนังไทยมีคุณภาพ พอมีคุณภาพเราก็ไม่ให้พื้นที่แสดงออก

การแบนสะท้อนว่า สังคมไทยยังไม่ก้าวพ้น การดูหมิ่นผู้ชม ดูหมิ่นประชาชน ยังเป็นสังคมที่ล้าหลัง ซึ่งน่าเสียดาย ที่ วธ.เลือกที่จะทำแบบนี้ แทนที่จะส่งเสริม แทนที่จะสนับสนุน ที่สำคัญกรมหนึ่งส่งเสริม อีกกรมหนึ่งฉุดรั้ง ขัดแย้งกันเองในกรม ตนคิดว่า รัฐบาลชุดนี้จะต้องไปพิจารณาตัวเอง ซึ่งต้องตั้งคำถามว่า ประชาธิปไตยของท่านคืออะไร
เมื่อท่านเรียกร้องให้มาซึ่งประชาธิปไตย แต่ไม่ให้ประชาธิปไตยคนอื่น เมื่อตนเองมีประชาธิปไตย มีอำนาจก็ใช้อำนาจตามอำเภอใจ จึงเป็นเรื่องที่น่าเศร้า

ถามว่า จะเดินหน้าอย่างไร นายมานิต กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า มีศาลปกครอง กับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ขณะนี้ รอรับเรื่องนี้อยู่ สุดท้ายอาจจะเป็นการประท้วง โดยจัดฉาย เพื่อให้มีการถูกจับกุม เพื่อให้เป็นประเด็น ประจานประเทศไทยให้นานาชาติรับทราบ ว่า ประเทศไทย ไม่มีเสรีภาพเช่นเดียวกับประเทศจีน ที่จีนจับประชาชนตัวเองเข้าคุก ผมต้องการประกาศให้คนทั่วโลกรู้ว่า รัฐบาลนี้เป็นแบบนี้ “รัฐบาลที่อ้างตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตย แต่ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยเท่าไหร่”

นายมานิต กล่าวว่า ผมจะเดินหน้าเต็มที่ ผมคิดว่า การใช้เหตุใช้ผลในคณะกรรมการแห่งชาติ เราไม่สามารถใช้เหตุใช้ผลได้ อันนี้พิสูจน์แล้ว การที่ขอให้ตัดฉากนั้นฉากนี้ ผมขอคณะกรรมการโน้มน้าวเหตุผลให้ตัดฉากนั้น แต่คณะกรรมการ ไม่ได้โน้มน้าวให้ผมเปลี่ยนใจ ผมคิดว่า คณะกรรมการมีเหตุมีผล ผมฟังอยู่แล้ว แต่กรรมการให้ตัดฉากที่ไม่มีเหตุผล
ทำให้หนังมันดูแย่ ล้มเหลว และผมไม่สามารถปล่อยหนังที่ล้มเหลวออกไปได้ เพียงเพราะว่าเอาใจคณะกรรมการ เพื่อให้หนังออกมาสู่ประชาชน ผมไม่สามารถทำลายผลงานศิลปะของตัวเองที่ทำมาอย่างดีได้

“ผมคิดว่า คณะกรรมการมีหน้าที่ส่งเสริม ไม่ใช่ทำลายหนังไทย ขณะนี้เซ็นเซอร์ของไทย ทำลายหนังไทยอย่างมาก ไม่ส่งเสริมหนังไทย ผมเคยถามว่า ส่งเสริมตรงไหน ถ้าส่งเสริมจะต้องมีแนวทางที่ชัดเจน ผมไม่ทราบชะตากรรมหนังไทย ซึ่งกรรมการ ไม่สามารถชี้ได้ว่า ตรงไหนแตกแยก เวลาที่ท่านพูด พูดเป็นฉากๆ มันแตกแยกตรงไหน ต้องให้ประชาชนพิสูจน์ว่า
แตกแยกจริงหรือเปล่า การพิสูจน์ต้องนำพิสูจน์ด้วย ผมไม่แน่ใจว่าบอร์ดภาพยนตร์แห่งชาติ จะพิสูจน์กับผมมั้ย จัดโพลมั้ย ท้ากันเลยเอาคนเข้าไป 1,000 คน มาดูหนัง แล้วเทสต์กันเลยว่าจะนำไปสู่ความแตกแยกจริงมั้ย แค่คณะกรรมการไม่กี่คน แล้วมาบอกว่าจะทำให้ประเทศไทยไปสู่การแตกแยก มันไม่มีการพิสูจน์ เหตุผลที่ไร้เหตุผลแบบนี้ แล้วดูถูกประชาชน ผู้ชม เป็นสิ่งที่รับได้ยาก” นายมานิต กล่าว

0 comments: