ข่าวศาลปกครอง : ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษายกฟ้องคดีห้ามฉายภาพยนตร์เรื่องเชคสเปียร์ต้องตาย

8.19.2017

ศาลปกครองชั้นตนพิพากษายกฟองคดีหามฉายภาพยนตรเรื่องเชคสเปยรตองตาย เนื่องจากเห็นวาการใชดุลพินิจของคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตรและวีดิทัศน คณะที่ ๓ ที่ไมอนุญาตใหนําภาพยนตรดังกลาวออกเผยแพรในราชอาณาจักร เปนการใชดุลพินิจที่ชอบดวยกฎหมาย



วันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา ศาลปกครองกลางอานคําพิพากษา

ในคดีหมายเลขดําที่ ๑๓๒๑/๒๕๕๕ คดีหมายเลขแดงที่ ๑๔๑๙/๒๕๖๐ คดีพิพาทระหวาง นายมานิต ศรีวานิชภูมิ ที่ ๑ และนางสาวสมานรัชฎ กาญจนะวณิชย ที่ ๒ (ผูฟองคดี) กับ คณะกรรมการภาพยนตรและวีดิทัศนแหงชาติ ที่ ๑ คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตรและวีดิทัศน คณะที่ ๓ ที่ ๒ และกรมสงเสริมวัฒนธรรม ที่ ๓ (ผูถูกฟองคดี) เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐกระทําการโดยไมชอบดวยกฎหมาย และการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครอง(คดีการหามฉายภาพยนตร เรื่อง เชคสเปยรตองตาย)


คดีนี้มีประเด็นที่จะตองวินิจฉัยวา คําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ตามบันทึกการตรวจพิจารณาภาพยนตร ลงวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๕ ที่ไมอนุญาตใหผูฟองคดีทั้งสองนําภาพยนตรเรื่อง เชคสเปยรตองตาย ออกเผยแพรในราชอาณาจักร และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามมติที่ประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ที่มีมติยกอุทธรณของผูฟองคดีทั้งสองชอบดวยกฎหมาย หรือไม หากเปนการกระทําละเมิด ผูถูกฟองคดีที่ ๓ ตองรับผิดชดใชคาเสียหายใหแก

ผูฟองคดีทั้งสองหรือไม เพียงใด


ศาลปกครองพิเคราะหเห็นวา การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๒ มีคําสั่งไมอนุญาตใหนําภาพยนตรเรื่องเชคสเปยรตองตาย ออกเผยแพรในราชอาณาจักร เนื่องจากมีเนื้อหาสาระบางสวนอาจกอใหเกิดการแตกความสามัคคีของคนในชาติ ในการตรวจพิจารณาภาพยนตรเรื่องนี้ จึงจําเปนตองพิจารณาเนื้อหาสาระสําคัญของภาพยนตรโดยตลอดเรื่องอยางเชื่อมโยงรอยเรียงเปนเนื้อเดียวกันวา มีเนื้อหาเขาลักษณะกอใหเกิดการแตกความสามัคคีระหวางคนในชาติหรือไม แมผูฟองคดีทั้งสองจะกลาววาประเทศในภาพยนตรเรื่องนี้เปนประเทศสมมุติก็ตาม แตโดยที่มีเนื้อหาหลายฉากหลายตอน สื่อใหเห็นไดวาเปนสภาพสังคมไทย และเปนเหตุการณที่เกิดขึ้นในสังคมไทย มิใชประเทศสมมุติตามที่ผูฟองคดีทั้งสองกลาวอาง สําหรับฉากที่ผูถูกฟองคดีที่ ๒ เห็นวา คลายกับเหตุการณความรุนแรงเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ อันเปนฉากที่พิพาทนั้น เปนฉากที่มีกลุมผูชายใสเสื้อสีดํา โพกผาสีแดงที่ศีรษะจํานวนหนึ่ง ถือทอนไมวิ่งเขาไปในโรงละครแลวทํารายคนดูละคร คณะนักแสดง จับผูกํากับละครแขวนคอ โดยมีชายสวมแวนดําถือเกาอี้เหล็กพับทุบตีที่รางกายของผูกํากับละคร ที่ถูกแขวนคอ โดยมีกลุมผูชายโพกผาสีแดงที่ศีรษะสงเสียงสนับสนุนการกระทํานั้น เปนการนําเหตุการณรวมสมัยมาไวเปนสวนหนึ่งของภาพยนตรที่ยอมสรางความไมพอใจใหเกิดขึ้นแกญาติพี่นองของผูเสียชีวิต หรือผูรวมอยูในเหตุการณดังกลาว ทําใหเกิดความรูสึกเคียดแคนชิงชัง อันอาจเปนชนวนใหเกิดการแตกความสามัคคีระหวางคนในชาติได เมื่อในการเขารวมประชุมกับผูถูกฟองคดีที่ ๒ เมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๕ ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไดแจงใหผูฟองคดีทั้งสองแกไขเปลี่ยนแปลงบทภาพยนตรในฉากดังกลาวแลว แตผูฟองคดีทั้งสองยืนยันที่จะไมทําการแกไขทั้งที่สามารถดําเนินการไดโดยมิไดสงผลกระทบตอเนื้อหาสําคัญของเรื่อง รวมถึง แนวคิดเกี่ยวกับดานมืดและดานสวางของมนุษย บาปบุญคุณโทษ ผลกรรม และการตอสูระหวางธรรมะ

กับอธรรมภายในจิตใจคน ที่ผูฟองคดีทั้งสองประสงคจะนําเสนอใหผูชมภาพยนตรไดรับรู และเมื่อพิจารณาหนังสืออุทธรณของผูฟองคดีทั้งสอง ฉบับลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๕ ที่รับวา ไดมีการถกเถียงกันอยางมากถึงฉาก ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ และฉากที่มีการใชสีแดง แสดงใหเห็นวา ผูฟองคดีทั้งสองทราบและเขาใจแลววา บทภาพยนตรในสวนใดที่ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ประสงคใหผูฟองคดีทั้งสองแกไขหรือตัดทอน ประกอบกับความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนเปนรากฐานความดีงามของสังคมไทยที่รัฐธรรมนูญมุงหมายธํารงรักษา จึงบัญญัติใหเปนเหตุสําคัญประการหนึ่ง ที่ฝายนิติบัญญัติสามารถยกขึ้นใชเปนเหตุผลในการออกกฎหมายมาจํากัดสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญได แมวาในการผลิตหรือสรางภาพยนตรจะถือเปนการประกอบอาชีพอยางหนึ่งที่รัฐธรรมนูญรับรองใหผูประกอบอาชีพมีสิทธิและเสรีภาพในการผลิตหรือสรางภาพยนตรก็ตาม แตสิทธิและเสรีภาพดังกลาวยังตองอยูภายใตขอจํากัดตามที่กฎหมายกําหนด ซึ่งขอจํากัดบางประการตามมาตรา ๒๙ แหงพระราชบัญญัติภาพยนตรและวีดิทัศน พ.ศ. ๒๕๕๑ คือ ภาพยนตรที่ผลิตขึ้นมาจะตองไมขัดตอความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไมกระทบกระเทือนตอความมั่นคงของรัฐ และเกียรติภูมิของประเทศไทย


ดังนั้น กรณีที่ผูถูกฟองคดีที่ ๒ มีคําสั่งไมอนุญาตใหผูฟองคดีทั้งสองนําภาพยนตรเรื่อง เชคสเปยรตองตาย ออกเผยแพร ดวยเหตุผลวาภาพยนตรเรื่องนี้มีเนื้อหาที่กอใหเกิดการแตกความสามัคคีระหวางคนในชาติ ซึ่งเปนกรณีที่ขัดตอความสงบเรียบรอย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงยังฟงไมไดวา เปนการจํากัดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามมาตรา ๔๕ ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไมอนุญาตใหผูฟองคดีทั้งสองนําภาพยนตรดังกลาวออกเผยแพรในราชอาณาจักร จึงเปนการใชดุลพินิจที่ชอบดวยกฎหมาย พิพากษายกฟอง




สํานักงานศาลปกครอง

วันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๐


ดาวน์โหลดเอกสารแนบ  https://drive.google.com/open?id=0B83DgAvoABuNY0dCU0Z4QnRqTmM



0 comments: