แบนต่อ! ศาลปกครองไม่ยกเลิกการแบนหนัง 'เชคสเปียร์ต้องตาย'

8.11.2017

 

by แก้วตา เกษบึงกาฬ 11 สิงหาคม 2560 เวลา 13:12 น.




หลังต่อสู้มานานห้าปี วันนี้ศาลปกครองยกฟ้องคำขอยกเลิกการแบนหนัง 'เชคสเปียร์ต้องตาย' โดยทีมผู้สร้างเตรียมยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน


หลังจากที่ผู้กำกับ สมานรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ และผู้อำนวยการสร้าง มานิต ศรีวานิชภูมิ ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองในปี 2555 เพื่อเพิกถอนคำสั่งแบนภาพยนตร์เรื่อง 'เชคสเปียร์ต้องตาย' ซึ่งคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติให้เหตุผลว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีระหว่างคนในชาติ ล่าสุดศาลปกครองได้มีคำพิพากษายกฟ้องคดีในช่วงเช้าวันนี้ (11 ส.ค. 2560)

โดยศาลแถลงว่าวินิจฉัยคดีจากการองค์ประกอบโดยรวมของภาพยนตร์ทั้งโครงเรื่อง แก่นเรื่อง บทสนทนา และบทสรุป ซึ่งแม้ว่าผู้สร้างจะยืนยันว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากวรรณกรรมเรื่อง ‘แมคเบธ’ ของเชคสเปียร์ และเรื่องเกิดขึ้นในประเทศสมมติ แต่ผู้พิพากษามองว่าเนื้อหาหลายตอนสะท้อนว่าเป็นสังคมไทย โดยเฉพาะฉากที่สื่อถึงเหตุการณ์ร่วมสมัยอย่าง 6 ตุลา 2519 ซึ่งอาจสร้างความไม่พอใจให้กับญาติและผู้ร่วมเหตุการณ์ดังกล่าว และอาจเป็นชนวนให้เกิดความแตกแยกได้

นอกจากนั้นคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติยังอ้างว่าเคยแจ้งให้ผู้สร้างเปลี่ยนแปลงฉากที่มีประเด็นดังกล่าว แต่ผู้สร้างไม่แก้ไข จึงทำให้ต้องระงับฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยศาลเห็นว่าเป็นการใช้ดุลยพินิจที่ชอบด้วยกฏหมาย และไม่ขัดต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 45

อย่างไรก็ตามผู้สร้างภาพยนตร์สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 30 วัน
หลังสิ้นสุดการอ่านคำพิพากษา ผู้สร้าง 'เชคสเปียร์ต้องตาย' ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคำตัดสินครั้งนี้ โดยเตรียมยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อไป พร้อมปฏิเสธว่าภาพยนตร์ไม่ได้นำเสนอเหตุการณ์ความรุนแรงของวันที่ 6 ตุลา


“ประเด็นที่เราต่อสู้เนี่ย เรามองแล้วว่ามันจำเป็นต้องต่อสู้ เพราะส่วนหนึ่งผลของการต่อสู้ของเราน่าจะเป็นผลดีต่อวงการภาพยนตร์ในแง่ของสิทธิเสรีภาพในการสร้างภาพยนตร์ของคนไทย ไม่งั้นเราจะลงทุนลงแรงเสียเงินเสียทองที่เราจะสู้ทำไม เรายอมก็ได้ ยอมให้ตัดฉากไหนก็ตัดแล้วก็เข้าโรง ประเด็นคือเราต้องการสังคมไทยที่อยู่ด้วยเหตุและผล ไม่ใช่อยู่กันด้วยความชอบ ไม่ชอบ มีเส้นหรือไม่มีเส้น อยู่ภายในดุลยพินิจที่ไม่เป็นไปตามกระแสของคนส่วนใหญ่” มานิตกล่าว



From  https://news.voicetv.co.th/entertainment/514675.html

0 comments: