คณะกรรมการเซ็นเซอร์สั่งแบน"เชคสเปียร์ต้องตาย" ติดเรท"ห้ามฉาย" เกรง"ก่อความขัดแย้งในชาติ"

4.12.2010

 

มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1333445431&grpid&catid=08&subcatid=0801






นี่อาจเป็นข่าวร้ายสำหรับวงการภาพยนตร์ไทยอีกครั้ง จากเหตุการณ์เมื่อปี 2553 คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวิดิทัศน์ พิจารณาไม่ผ่านและไม่อนุญาตให้ฉายภาพยนตร์เรื่อง "Insects in the Backyard" ซึ่งกำกับโดย "ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์" เพราะมีเนื้อหาขัดต่อมาตรา 29 ในพ.ร.บ.ภาพยนตร์ พ.ศ. 2551

ด้วยเหตุผลที่ว่าหนังมีเนื้อหาทำลายและขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของรัฐและเกียรติภูมิของประเทศไทย เช่นบางฉากมีภาพลามกอนาจาร จึงมีความเห็นว่าไม่อนุญาตให้ฉาย
ผ่านมาเกือบ 2 ปี ปัญหาเก่าที่ยังค้างคาใจหลายๆคน ยังไม่ทันจางไปจากความทรงจำของคนดูหนัง ปัญหาที่ยังคงมีการถกเถียงก็เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง


ในวันนี้ (3 เม.ย.) ทีมงานผู้ผลิตได้ออกมาเปิดเผยทางเฟซบุ๊กว่าภาพยนตร์เรื่อง "เชคสเปียร์ต้องตาย" (ShakespeareMustDie) ไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการฯให้เผยแพร่ภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งก็คือการได้รับ "เรต ห" หรือ"ห้ามฉาย" นั่นเอง

โดยทีมงานเขียนผ่านสเตตัสว่า "หนังเรื่องนี้ ไม่ได้รับความเห็นชอบ "ให้ฉาย" จากกรรมการเซ็นเซอร์ จำนวน 7 คนเพราะเกรงว่าคนดูจะแยกไม่ได้ว่า อันไหน "เรื่องจริง" หรือ "เรื่องแต่ง" ก่อนที่จะระบุว่า "เราไม่ได้รับอนุญาต ให้ฉายในราชอาณาจักรไทย" และกล่าวยืนยันว่า "นี่คือ บทหนังที่ถอดมาจาก บทประพันธ์ของเชคสเปียร์ ตัวต่อตัว คำต่อคำ"


ต่อมาเว็บไซต์ shakespearemustdie.com ได้ เผยแพร่บันทึกการตรวจพิจารณาภาพยนตร์เรื่อง "เชคสเปียร์ต้องตาย" ซึ่งกรรมการ 4 คนจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ คณะที่ 3 ที่ลงนามในมติห้ามเผยแพร่หนังเรื่องนี้ในราชอาณาจักร เพราะมีเนื้อหาก่อให้เกิดการแตกสามัคคีระหว่างคนในชาติ ประกอบไปด้วย พล.ต.ต.เอนก สัมพลัง ประธานคณะกรรมการ, นายเขมชาติ เทพไชย กรรมการ, นายวีระชัพ ทรัพยวณิช กรรมการ และนายมานิตย์ ชัยมงคล กรรมการและเลขานุการ ขณะที่กรรมการอีก 3 ราย ที่ไม่ได้ลงนามในมติดังกล่าว ได้แก่ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ, นายอนุชา ทีรคานนท์ และนายสามารถ จันทร์สูรย์


ทั้งนี้ เฟซบุ๊ก Bioscope Magazine ได้ตัดทอนข้อความตามเอกสารการพิจารณาบางส่วนมาเผยแพร่ดังนี้

วาระการพิจารณา:

คณะกรรมการฯ พิจารณาเห็นว่า ภาพยนตร์เรื่อง เชคสเปียร์ต้องตาย (SHAKESPEARE MUST DIE) มีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีระหว่างคนในชาติ ตามกฏกระทรวงกำหนดลักษณะของประเภทภาพยนตร์ พ.ศ.๒๕๕๒ ข้อ ๗ (๓)

จึงมีมติ ไม่อนุญาต โดยจัดเป็นประเภทภาพยนตร์ที่ห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร ตามมาตรา ๒๖ (๗) แห่งพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๑


โดยในเว็บไซต์ของภาพยนตร์กล่าวอย่างเด่นชัดว่า"ภาพยนตร์ ขนาดยาว เนื้อหาอิงจากบทประพันธ์ของวิลเลียม เชคสเปียร์ นักประพันธ์เอกของโลก ถ่ายทอดในรูปแบบภาพยนตร์ โดยถอดความหมาย "คำต่อคำ" เพื่อคงความสวยงามของภาษากวีโดยใช้ภาษาไทย นับเป็นภาพยนตร์เชคสเปียร์ไทยเรื่องแรก"
รายงานข่าวระบุว่า หลังจากส่งหนังเพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาจัดเรตติ้ง ไปตั้งแต่วันพุธที่แล้ว (28 มี.ค.) จนกระทั่งวานนี้ (2 เม.ย.) คณะกรรมการพิจารณาฯ ดูหนังไปแล้วถึงสามรอบ แต่ก็ยังไม่สามารถพิจารณาได้ ขณะที่ผู้สร้างก็ไม่ยอมตัดทอนส่วนใดส่วนหนึ่งออกจากหนัง



นี่อาจเป็นข่าวร้ายสำหรับวงการภาพยนตร์ไทยอีก ครั้ง จากเหตุการณ์เมื่อปี 2553 คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวิดิทัศน์ พิจารณาไม่ผ่านและไม่อนุญาตให้ฉายภาพยนตร์เรื่อง "Insects in the Backyard" ซึ่งกำกับโดย "ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์" เพราะมีเนื้อหาขัดต่อมาตรา 29 ในพ.ร.บ.ภาพยนตร์ พ.ศ. 2551

ด้วยเหตุผลที่ว่าหนังมีเนื้อหาทำลายและขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของรัฐและเกียรติภูมิของประเทศไทย เช่นบางฉากมีภาพลามกอนาจาร จึงมีความเห็นว่าไม่อนุญาตให้ฉาย
ผ่านมาเกือบ 2 ปี ปัญหาเก่าที่ยังค้างคาใจหลายๆคน ยังไม่ทันจางไปจากความทรงจำของคนดูหนัง ปัญหาที่ยังคงมีการถกเถียงก็เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง


ในวันนี้ (3 เม.ย.) ทีมงานผู้ผลิตได้ออกมาเปิดเผยทางเฟซบุ๊กว่าภาพยนตร์เรื่อง "เชคสเปียร์ต้องตาย" (ShakespeareMustDie) ไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการฯให้เผยแพร่ภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งก็คือการได้รับ "เรต ห" หรือ"ห้ามฉาย" นั่นเอง

โดยทีมงานเขียนผ่านสเตตัสว่า














"หนังเรื่องนี้ ไม่ได้รับความเห็นชอบ "ให้ฉาย" จากกรรมการเซ็นเซอร์ จำนวน 7 คนเพราะเกรงว่าคนดูจะแยกไม่ได้ว่า อันไหน "เรื่องจริง" หรือ "เรื่องแต่ง" ก่อนที่จะระบุว่า "เราไม่ได้รับอนุญาต ให้ฉายในราชอาณาจักรไทย" และกล่าวยืนยันว่า "นี่คือ บทหนังที่ถอดมาจาก บทประพันธ์ของเชคสเปียร์ ตัวต่อตัว คำต่อคำ"







































ต่อมาเว็บไซต์ shakespearemustdie.com ได้ เผยแพร่บันทึกการตรวจพิจารณาภาพยนตร์เรื่อง "เชคสเปียร์ต้องตาย" ซึ่งกรรมการ 4 คนจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ คณะที่ 3 ที่ลงนามในมติห้ามเผยแพร่หนังเรื่องนี้ในราชอาณาจักร เพราะมีเนื้อหาก่อให้เกิดการแตกสามัคคีระหว่างคนในชาติ ประกอบไปด้วย พล.ต.ต.เอนก สัมพลัง ประธานคณะกรรมการ, นายเขมชาติ เทพไชย กรรมการ, นายวีระชัพ ทรัพยวณิช กรรมการ และนายมานิตย์ ชัยมงคล กรรมการและเลขานุการ ขณะที่กรรมการอีก 3 ราย ที่ไม่ได้ลงนามในมติดังกล่าว ได้แก่ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ, นายอนุชา ทีรคานนท์ และนายสามารถ จันทร์สูรย์


ทั้งนี้ เฟซบุ๊ก Bioscope Magazine ได้ตัดทอนข้อความตามเอกสารการพิจารณาบางส่วนมาเผยแพร่ดังนี้
วาระการพิจารณา:

คณะกรรมการฯ พิจารณาเห็นว่า ภาพยนตร์เรื่อง เชคสเปียร์ต้องตาย (SHAKESPEARE MUST DIE) มีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีระหว่างคนในชาติ ตามกฏกระทรวงกำหนดลักษณะของประเภทภาพยนตร์ พ.ศ.๒๕๕๒ ข้อ ๗ (๓)

จึงมีมติ ไม่อนุญาต โดยจัดเป็นประเภทภาพยนตร์ที่ห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร ตามมาตรา ๒๖ (๗) แห่งพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๑
โดยในเว็บไซต์ของภาพยนตร์กล่าวอย่างเด่นชัดว่า"ภาพยนตร์ ขนาดยาว เนื้อหาอิงจากบทประพันธ์ของวิลเลียม เชคสเปียร์ นักประพันธ์เอกของโลก ถ่ายทอดในรูปแบบภาพยนตร์ โดยถอดความหมาย "คำต่อคำ" เพื่อคงความสวยงามของภาษากวีโดยใช้ภาษาไทย นับเป็นภาพยนตร์เชคสเปียร์ไทยเรื่องแรก"
รายงานข่าวระบุว่า หลังจากส่งหนังเพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาจัดเรตติ้ง ไปตั้งแต่วันพุธที่แล้ว (28 มี.ค.) จนกระทั่งวานนี้ (2 เม.ย.) คณะกรรมการพิจารณาฯ ดูหนังไปแล้วถึงสามรอบ แต่ก็ยังไม่สามารถพิจารณาได้ ขณะที่ผู้สร้างก็ไม่ยอมตัดทอนส่วนใดส่วนหนึ่งออกจากห



ทั้งนี้ในเว็บไซต์ของสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยระบุเรื่องย่อของภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้ว่า
"เรื่องราวแห่งการเมืองและไสยศาสตร์ ที่แปลเป็นไทยอย่างซื่อตรงต่อต้นฉบับละคร “โศกนาฏกรรม แม็ตเบธ” ของวิลเลี่ยมเชคสเปียร์ กวีเอกของโลก โดยมีการดัดแปลงเพื่อให้เป็นภาษาภาพยนตร์ และเข้ากับบริบทของวัฒนธรรมไทย หนังผีเชคสเปียร์เรื่องนี้ดำเนินไปพร้อม ๆ กันสองโลก ในโลกของโรงละคร โลกของขุนพลกระหายเลือด มักใหญ่ใฝ่สูง งมงามในไสยศาสตร์ ผู้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นราชาโดยการฆาตกรรม และโลกภายนอก ในชีวิตร่วมสมัยของนักปกครองเผด็จการของประเทศสมมุติแห่งหนึ่ง ผู้ที่งมงายในไสยศาสตร์ โหดเหี้ยมบ้าอำนาจ ซึ่งมีชื่อเรียกว่าท่านผู้นำ และภริยาไฮโซน่าสะพรึงกลัวของท่าน เหตุการณ์ต่าง ๆ ในสองโลกแฝดนี้ ส่องสะท้อนเข้าหากัน ค่อย ๆ เริ่มซึมเข้าหากัน จนกระทั่งสุดท้ายมันประสานงากันอย่างรุนแรง และโหดร้าย เมื่อคณะละครต้องชดใช้ด้วยชีวิต โทษฐานอุตริแสดงละครเรื่องนี้ในสังคมที่ปกครองโดยมนุษย์ เช่นท่านผู้นำ พวกเขาคิดอย่างไรที่จะต่อสู้กับความกลัวด้วยศิลปะ"



ล่าสุด มานิต ศรีวานิชภูมิ ในฐานะผู้อำนวยการสร้างได้ออกคำชี้แจง "แถลงข่าวเรื่อง หนังไทยเชคสเปียร์โดนแบนโดยรัฐบาลไทย" ในเว็บไซต์ shakespearemustdie.com ซึ่งมีใจความดังนี้:

วันที่ 3 เมษายน 2555

บ่ายวันนี้ คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ (กองเซ็นเซอร์) ในกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ภายใต้รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีมติสั่งห้ามฉาย ‘เชคสเปียร์ต้องตาย’ ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายที่ได้รับทุนสร้างจากกองทุนส่งเสริมภาพยนตร์ของ สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) กระทรวงวัฒนธรรม ภายใต้โครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในปี 2553 ซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จและเข้าตรวจพิจารณาปีนี้

ตามเอกสารบันทึกการตรวจ พิจารณาภาพยนตร์ (แนบมาใน attachment) : “คณะกรรมการฯ พิจารณาเห็นว่า ภาพยนตร์เรื่องเชคสเปียร์ต้องตาย (Shakespeare Must Die) มีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีระหว่างคนในชาติ ตามกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของประเภทภาพยนตร์ และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2552 ข้อ 7 (3)

“จึงมีมติไม่อนุญาต โดยจัดเป็นประเภทภาพยนตร์ที่ห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร ตามมาตรา 26 (7) แห่งพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวิดีทัศน์ พ.ศ. 2551”

ภาพยนตร์ เรื่อง ‘เชคสเปียร์ต้องตาย’ เป็นภาพยนตร์ไทยที่สร้างขึ้นจากบทละคร ‘โศกนาฏกรรมแม็คเบ็ธ’ (The Tragedy of Macbeth) ของ วิลเลียม เชคสเปียร์ (William Shakespeare) กวีเอกของโลก เป็นเรื่องราวของขุนพลที่มักใหญ่ใฝ่สูงอย่างไร้ขอบเขต และคลั่งไคล้ในไสยศาสตร์ เมื่อมีแม่มดมาทักว่าจะได้เป็นกษัตริย์ในภายหน้า และโดยการยุยงของภรรยา เขาสังหารพระราชาเพื่อสถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์ แม็คเบ็ธปกครองแผ่นดินด้วยความบ้าอำนาจ พาให้บ้านเมืองตกอยู่ในยุคมืดมนแห่งความหวาดกลัว โดยที่ตัวเขาเองก็ปราศจากความสุข ต้องใช้ความรุนแรงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อรักษาอำนาจของตน

อนึ่ง ละครเรื่องแม็คเบ็ธนี้ เมื่อปีที่แล้วได้มีการจัดแสดงโดยคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ ‘แม็คเบ็ธ’ นั้น บรรจุอยู่ในหลักสูตรการศึกษาของเด็กมัธยมต้นทั่วโลก (ในทุกประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ) มาเป็นเวลาหลายชั่วคน และได้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วหลายครั้ง รวมทั้งโดยนักทำหนังอินเดีย ญี่ปุ่น และจีน เป็นต้น

เหตุการณ์ นี้ทำให้ผมเห็นว่า เราไม่สามารถพูดถึงเรื่องศีลธรรม ความโลภ ความบ้าอำนาจ ความมักใหญ่ใฝ่สูงอันไร้ขอบเขตกันได้อีกแล้วในประเทศไทย ผู้คนอยู่กันด้วยความกลัว ราวกับว่าอยู่ใต้แม็คเบ็ธในบทละครของเชคสเปียร์จริงๆ มันแปลกประหลาดมากที่องค์กรของกระทรวงวัฒนธรรมลุกขึ้นแบนหนังที่กระทรวง วัฒนธรรมเองเป็นผู้สนับสนุน และกองเซ็นเซอร์ ภายใต้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม เห็นควรแบนเชคสเปียร์

ด้วยความนับถือ

มานิต ศรีวานิชภูมิ

ผู้อำนวยการสร้าง ‘เชคสเปียร์ต้องตาย’

0 comments: