From https://www.matichon.co.th/news/625411
http://www.matichon.co.th/
วันที่ 09 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 15:05:51 น.
หลังมีคำตัดสินว่าภาพยนตร์ นอกกระแสอย่าง "เชคสเปียร์ต้องตาย" ซึ่งดัดแปลงจากบทละครโศกนาฏกรรม "แม็คเบ็ธ" ของ "วิลเลียม เชคสเปียร์" ไม่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ (กองเซ็นเซอร์) กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555 โดยได้รับเรท "ห" หรือ ห้ามเผยแพร่ในประเทศไทย
ล่าสุด ทางผู้อำนวยการสร้างและเจ้าของลิขสิทธิ์ ได้ออกคำแถลงการณ์เรื่องการยื่นฟ้องคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ แล้ว มีเนื้อหาดังนี้
ข้าพเจ้านายมานิต ศรีวานิชภูมิ และนางสาวสมานรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ ร่วมกันเป็นผู้ฟ้องคดี โดยมีผู้ถูกฟ้อง คือ คณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ที่มีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะประธานกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ และคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ คณะที่ 3 ได้ร่วมกันไม่อนุญาตให้ภาพยนตร์เรื่อง "เชคสเปียร์ต้องตาย" ซึ่งแปลจากบทประพันธ์โดยกวีเอกของโลก วิลเลี่ยม เชคสเปียร์ เรื่อง The Tragedy of Macbeth ให้เผยแพร่ในราชอาณาจักร ด้วยเหตุผลดังนี้
1 .คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ คณะที่ 3 ไม่อนุญาตด้วยเหตุผลว่า มีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดการแตกสามัคคีระหว่างคนในชาติ ทั้งที่เหตุผลดังกล่าวมิชอบด้วยกฎหมาย และในสังคมไทยมีเหตุการณ์ที่มีการเข่นฆ่าประชาชนเกิดขึ้นหลายครั้งหลายหน อาทิ เช่น เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 , เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519, เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 และกรณีสงครามยาเสพติดที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 2,500กว่าคน (1 กุมภาพันธ์ ถึง 30 เมษายน 2546 ) เป็นต้น ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นย่อมเป็นความรุนแรงของสังคมไทย ที่มิอาจลืมเลือนหรือปกปิดไว้ได้แต่อย่างใด โดยชนชาวไทยสมควรมาเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อร่วมมือกันมิให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก
2 .คณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ที่มีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการชุดดังกล่าว ไม่อนุญาตด้วยเหตุผลว่า "มีบางฉากมีเนื้อหาที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน" หรือ "อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของรัฐ และเกียรติภูมิของประเทศ" ทั้งที่เหตุการณ์ความรุนแรงเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยหลายครั้ง หลายหน สมควรเป็นบทเรียนตามข้อ 1 .ส่วนเหตุผลความมั่นคงของรัฐนั้น หมายถึง "รัฐชาติ" มิใช่รัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง และเกียรติภูมิของประเทศก็เช่นกัน มิใช่เกียรติภูมิของรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง
ดังนั้น ผู้ฟ้องคดีทั้งสองจึงขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งเพิกถอนมติและคำสั่งของผู้ ถูกฟ้องทั้งสอง ที่ห้ามฉาย ห้ามจัดจำหน่ายภาพยนตร์เรื่อง "เชคสเปียร์ต้องตาย" ในราชอาณาจักร และเรียกร้องค่าเสียหายจากเงินทุนที่ใช้ในการสร้างภาพยนตร์ เรื่องดังกล่าว พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี รวมเป็นเงินทั้งสิ้นถึงวันฟ้อง เป็นจำนวน 7,530,388.55 บาท (เจ็ดล้านห้าแสนสามหมื่นสามร้อยแปดสิบแปดบาทห้าสิบห้าสตางค์) ส่วนค่าใช้ จ่ายอันเป็นค่าตอบแทนส่วนตัว ในกระบวนการผลิตภาพยนตร์ของผู้ฟ้องทั้งสอง และค่าเสียหายจากการเสื่อมเสีย ชื่อเสียงด้วยเหตุผลที่ผู้ถูกฟ้องอ้างและค่าเสียโอกาสในการร่วมลงทุนสร้าง ภาพยนตร์กับบุคคลอื่น ผู้ฟ้องคดีทั้งสองไม่ติดใจเรียกร้องแต่อย่างใด
http://www.matichon.co.th/
วันที่ 08 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 14:45:20 น
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม นายมานิต ศรีวานิชภูมิ ผู้สร้างภาพยนตร์เชคสเปียร์ต้องตายกล่าวว่า หลังจากคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ห้ามฉายภาพยนตร์ดังกล่าว เนื่องจากมีเนื้อหาก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีระหว่างคนในชาตินั้น เมื่อเร็วๆ นี้ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เนื่องจากมองว่า การสั่งห้ามฉายภาพยนตร์ดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิตามมาตรา 4 ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ และเสรีภาพของบุคคล ย่อมได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
"เบื้องต้นได้รับแจ้งผลการวินิจฉัยด้วยวาจาจาก นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมือง ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่า ผมถูกละเมิดสิทธิจริงตามที่ร้องเรียนไปจริง ขณะนี้อยู่ระหว่างรอหนังสือแจ้งมาเป็นลายลักษณ์อักษรมาอีกครั้ง ส่วนการไต่สวนของกรรมาธิการสิทธิฯ วุฒิสภานั้น ทราบว่าเสร็จสิ้นไป เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งคิดว่าคำวินิจฉัยคงจะออกมาไม่แตกต่างกัน"
นายมานิตกล่าวว่า จะนำคำวินิจฉัยของคณะกรรมการทั้ง 2 ชุด ไปเป็นข้อมูลเพื่อนำไปฟ้องร้องต่อศาลปกครองในวันที่ 9 สิงหาคม เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครอง ที่สำคัญการยื่นฟ้องครั้งนี้ยังได้เรียกร้องค่าเสียหายอีกประมาณ 7 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับงบสร้างภาพยนตร์ดังกล่าว เพื่อเป็นบรรทัดฐานมิให้มีการละเมิดสิทธิของประชาชนอีก
http://www.matichon.co.th/
วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555 เวลา 11:30:14 น
ที่ว่ากันว่า "ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น" นี่ท่าจะจริง
เพราะ กว่า 400 ปีผ่าน โศกนาฏกรรมเรื่องเยี่ยมของ "วิลเลียม เชคสเปียร์" อย่าง "แม็คเบ็ธ" ก็ยังคงอยู่ แถมถูกปลุกขึ้นมาโลดแล่นอยู่บ่อยๆ
ล่า สุด ก็ถูกดัดแปลงมาอยู่ในหนัง "เชคสเปียร์ต้องตาย (Shakespeare Must Die)" ที่ "มานิต ศรีวานิชภูมิ" อำนวยการผลิต และ "สมานรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์" เขียนบท รวมทั้งกำกับ
เรื่องราวเล่าถึงละครเวทีที่ซ้อนอยู่ใน หนัง โดยเป็นการเสียดสี "ท่านผู้นำ (พิศาล พัฒนพีระเดช)" ที่กว่าจะขึ้นมาสู่ตำแหน่งสูงสุดได้ต้องลอบฆ่ากษัตริย์
อีกทั้งยอมคร่าอีกหลายชีวิตที่ขวางทาง โดยมีคำทำนายอันหอมหวานของแม่มดทั้ง 3 ชักจูง
และมีเบื้องหลังอย่าง ""คุณหญิงเมฆเด็ด" (ธาริณี เกรแฮม)" ภรรยาคอยช่วยผลักดัน
การตัดสลับระหว่างฉากโรงละคร กับฉากในโลกแห่งความจริง ถือเป็นวิธีการเล่าเรื่องอย่างชาญฉลาด
เพราะฉากยากๆ อย่างการรบพุ่ง หากเล่าให้สมจริงคงต้องใช้ทุนมาก
การจับไปใส่ไว้ในฉากโรงละครจึงน่าจะง่ายและประหยัด สำหรับหนังที่ผู้สร้างออกตัวว่าเป็น "หนังผีทุนต่ำ"
แม้ จะงบน้อยแต่นักแสดงนำมากฝีมือ ทั้ง "พิศาล, ธาริณี, ชัชดนัย มุสิกไชย, ต่อตระกูล จันทิมา, สกุล บุณยทัต" ฯลฯ สามารถดึงคนดูได้ตลอดเรื่อง
ขณะที่โครงเรื่องไม่ต่างจากเดิม คือ ว่าด้วยเรื่องความละโมบโลภมาก หลงใหลในอำนาจ ซึ่งพาคนสู่หายนะ
จะต่างก็ตรงที่เหตุการณ์ความขัดแย้งไม่ได้อยู่เพียงแค่ชนชั้นนำ แต่แตกแยกไปถึงกลุ่มประชาชนคนทั่วไป เข้ากับสถานการณ์บ้านเรา
แถมหลายฉาก หลายองค์ประกอบยังดูคล้ายจนแทบแยกไม่ออก
โดยเฉพาะเรื่องสีที่ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์
"สี" ที่กลายเป็นเรื่องอ่อนไหวอย่างยิ่งในสังคม
ภาพจำลองเหตุการณ์ประวัติศาสตร์การเมืองไทย เมื่อ 6 ตุลาคม 2519 ก็น่าจะเป็นอีกเหตุผลที่อ่อนไหว
ซึ่งเมื่อรวมๆ กันแล้วน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกแบน ห้ามฉายเด็ดขาดในประเทศไทย
ที่ ว่ากันตามจริง หากไม่คิดอะไรมากไปกว่า "ความเป็นหนัง" "เชคสเปียร์ต้องตาย" จะเป็นหนังดีที่สะท้อนภาพการเมืองที่มีผู้นำปกครองด้วยระบอบเผด็จการ ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา และพยายามทุกอย่างเพื่อรักษาอำนาจไว้ให้นานที่สุด
ขณะที่ประชาชนก็ฆ่าฟันกันเอง เพราะความเห็นต่าง อย่างที่ไม่มีฝ่ายไหนเปิดใจรับฟังฝ่ายตรงข้าม สุดท้ายก็ส่งผลให้บ้านเมืองระส่ำระสาย
คงทำให้คนที่ดูสะท้อนใจ และหวนคิดถึงอะไรๆ รอบตัวได้
แต่ในเมื่อเรื่องทั้งหมดถูกตีความว่า "ซ่อนนัย"
"เชคสเปียร์" ที่โด่งดังไปทั่วโลกจึงอาจถึงคราว "ต้องตาย" ในเมืองไทย
"ที่อยู่ในช่วงเวลาอันเปราะบาง พร้อมจะแตกหักได้ทุกเมื่อ"
หลัก สูตรนิเทศศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการภาพยนตร์ วีดิทัศน์ ม.เกษมบัณฑิต ร่วมกับสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย จัดสัมมนาวิชาการเรื่อง ""พ.ร.บ.ภาพยนตร์ 2551 ขัดขวางสิทธิและเสรีภาพของผู้ชมและผู้สร้างภาพยนตร์ไทยหรือไม่ : ศึกษา Backyard และเชคสเปียร์ต้องตาย"" ในวันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน เวลา 15.00 น. ณ อาคาร 1 ชั้น 5 ห้อง 1504 ม.เกษมบัณฑิต วิทยาเขตพัฒนาการ โดยมีปรัชญา ปิ่นแก้ว, ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์, มานิต ศรีวานิชภูมิ, ภานุ อารี ลฯ
สนใจเข้าฟังได้โดยสะดวก
"สอบถามรายละเอียดเพิ่มที่โทร. 08-7802-0383"
มติชน
วันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 เวลา 15:55:34 น.
http://www.matichon.co.th/
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม นายมานิต ศรีวานิชภูมิ ผู้สร้างภาพยนตร์ไทยเรื่องเชคสเปียร์ต้องตาย กล่าวว่า ได้รับหนังสือจากนายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการภาพยนตร์แห่งชาติ กรณีมีมติไม่อนุญาตให้ฉายภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ตนไม่ยอมรับมติดังกล่าว เพราะคณะกรรมการภาพยนตร์ฯ ยังชี้แจงเหตุผลห้ามฉายไม่ชัดเจน เขียนแบบกว้างๆ ที่สำคัญเหตุผลที่ห้ามฉายได้เพิ่มเนื้อหาอีก จากเดิมเป็นภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาสาระบางส่วนที่ก่อให้เกิดการแตกความสามัคคี คนในชาติ กลับส่งหนังสือมาว่าเห็นว่าเนื้อหาภาพยนตร์ แม้จะดัดแปลงให้เป็นประเทศสมมติก็ตาม แต่ก็มีลักษณะที่สื่อความหมายให้เข้าใจว่าเป็นสังคมไทย และบางฉากยังมีเนื้อหาที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของรัฐและเกียรติภูมิของประเทศด้วย
ส่วนกรณีคณะกรรมการภาพยนตร์ฯ แจ้งกับทางผู้สร้างว่าภาพยนตร์ดังกล่าวมีเนื้อหานำเสนอเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 นั้น ยืนยันว่าภาพยนตร์ไม่มีเนื้อหา ข้อความส่วนใดชี้ชัดหรือเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 แต่ยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงแรงบันดาลใจในการสร้างเท่านั้น อย่างไรก็ตามเคยมีภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ทางคณะกรรมการภาพยนตร์ฯ ก็อนุญาตให้ฉายได้ ดังนั้นจึงถือว่าถูกละเมิดสิทธิตามมาตรา 4 ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ และเสรีภาพของบุคคล ย่อมได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ เวลา 10.00 น. ตนจะไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และเวลา 13.00 น. จะไปร้องต่อกรรมาธิการสิทธิฯ วุฒิสภาด้วย
วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 เวลา 17:15:59 น.
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1336730900&grpid=&catid=08&subcatid=0801
บ่ายวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ.2555 ที่กระทรวงวัฒนธรรม คณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ที่มี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ ได้ประชุมนัดพิเศษเพื่อพิจารณาผลการยื่นกรณีนายมานิต ศรีวานิชภูมิ ผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง "เชคสเปียร์ต้องตาย" (Shakespeare Must Die) ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ในกรณีที่มีมติห้ามฉายภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว เพราะเห็นว่ามีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีระหว่างคนในชาติ
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ออกมาว่า ยังยืนยันในมติเดิม นั่นคือห้ามฉายภาพยนตร์ เรื่องนี้ ซึ่งหมายความว่า "เชคสเปียร์ต้องตาย" ถูก "แบน" ห้ามฉายในประเทศไทย
ภายหลังจากที่มีมติเช่นนี้ นายมานิต ศรีวานิชภูมิ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้เปิดเผยกับ "มติชนออนไลน์" ว่า
"คณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ มีมติ ′แบน′ หนังเรื่องนี้ ซึ่งเราคิดว่า ถ้าเป็นเช่นนี้ เราจะเดินหน้าสู้ต่อไป 3 แนวทางครับ
"แนวทางแรกที่เราคิดไว้ก็คือ คงไปที่ศาลปกครอง เพื่อยื่นคำร้องว่าไม่เห็นด้วยกับการแบนหนังเรื่องนี้ แนวทางที่ 2 เราคงดูประเด็นเรื่องการละเมิด ซึ่งต้องคุยกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ในเรื่องนี้ ส่วนแนวทางที่ 3 ก็คือ การประท้วง อาจจะจัดฉายหนังให้ตำรวจจับก็ได้ แต่ก็ดูอยู่ว่า จะประท้วงในรูปแบบไหนดี ซึ่งเรายังไม่สรุป แต่ตอนนี้ ผมบอกตรงๆว่า ผิดหวังมาก"
เมื่อวันที่ 26 เมษายน นายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ที่มี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเมื่อเร็วๆ นี้ได้หารือถึงกรณีนายมานิต ศรีวานิชภูมิ ผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องเชคสเปียร์ต้องตาย (Shakespeare Must Die) ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ซึ่งมี พล.ต.ต.เอนก สัมพลัง เป็นประธาน มีมติห้ามฉายภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว เพราะเห็นว่ามีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีระหว่างคนในชาติ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบนัดคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติและ ผู้ทรงคุณวุฒิทุกคน ประมาณ 30 คนไปชมภาพยนตร์เรื่องเชคสเปียร์ต้องตาย ในวันที่ 3 พฤษภาคม เวลา 09.30-12.00 น. ที่โรงถ่ายกันตนา (แยกเหม่งจ๋าย)
ปลัด วธ.กล่าวว่า หลังจากคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติได้ชมภาพยนตร์ดังกล่าวเรียบ ร้อยแล้ว ก็จะมีการนัดประชุมนัดพิเศษในวันที่ 11 พฤษภาคม เวลา 14.00-16.30 น. เพื่อพิจารณาคำอุทธรณ์และให้คณะกรรมการแต่ละคนลงมติว่าจะให้ฉายภาพยนตร์ เรื่องดังกล่าวหรือไม่ ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้นายโกเมน ภัทรภิรมย์ ประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาและให้ความเห็นด้านกฎหมายและด้านวินิจฉัยอุทธรณ์ คำสั่ง ตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 จัดทำรายงานสรุปความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการพิจารณาที่ได้ ประชุมมาแล้ว รายงานให้คณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติรับทราบ เพื่อประกอบการชมภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวในวันที่ 3 พฤษภาคมด้วย
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1335421605&grpid&catid=08&subcatid=0801
มติชน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1333538454&grpid=01&catid=&subcatid=
วันที่ 04 เมษายน พ.ศ. 2555 เวลา 21:14:00 น
มติชน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1333636562&grpid=03&catid=&subcatid=
วันที่ 05 เมษายน พ.ศ. 2555 เวลา 21:37:00 น.
เมื่อวันที่ 5 เมษายน www.shakespearemustdie.com ได้เผยแพร่คำพูดที่ "สมานรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์" ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง "เชคสเปียร์ต้องตาย" กล่าวกับคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ คณะ 3 เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2555 ก่อนที่หนังจะได้รับเรต "ห" หรือ "ห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร" ดังมีเนื้อหาต่อไปนี้
คำพูดแก้ต่างให้ ′เชคสเปียร์ต้องตาย′ ที่ผู้กำกับพูดกับกองเซ็นเซอร์ วันที่ 3 เมษา 55
ดิฉันไม่ได้ทำหนังเชคสเปียร์เพื่อความโก้เก๋ เพราะเห่อฝรั่ง เชคสเปียร์ไม่ใช่กวีเอกของอังกฤษเท่านั้น แต่เป็นกวีเอกของโลกคนหนึ่ง ผลงานของเชคสเปียร์คือมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า ซึ่งสอนให้คนรู้จักที่จะวิเคราะห์ตนเองและผู้อื่น อยากถามว่า เพราะเหตุใด คนไทยจึงไม่มีสิทธิรับมรดกอันล้ำค่านี้? มรดกที่คนชาติอื่นๆ ทั่วโลกเขาได้รับคุณประโยชน์กันมาเป็นร้อยๆ ปีแล้ว จะมีอีกกี่ครั้งที่จะมีคนไทยลุกขึ้นมาสร้างหนังจากละครเชคสเปียร์? เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก และอาจเป็นเรื่องสุดท้าย
คนไทยเปิดรับวัฒนธรรมตะวันตกส่วนที่ไร้คุณ ประโยชน์ก็มากมาย ส่วนที่เป็นพิษภัยก็มากมาย ทั้งส่วนที่เป็นเพียงขนมขบเคี้ยวและที่เป็นยาพิษก็มากมาย แล้วทำไมเราจึงเปิดรับวัฒนธรรมส่วนที่เป็นกะทิของเขาไม่ได้ – ส่วนที่เป็นยาวิเศษ เป็นวิตามิน ที่สร้างภูมิต้านทานทางวัฒนธรรมให้สาธารณชน ส่วนที่ทำให้เขากลายเป็นประเทศมหาอำนาจ ในขณะที่เรายังล้มลุกคลุกคลาน? ท่านนึกภาพอังกฤษที่ไม่เคยมีเชคสเปียร์ได้หรือไม่? ทำไมเราจึงต้อนรับเฉพาะวัฒนธรรมขยะของเขา และกีดกันสิ่งที่ดีที่สุดของเขา?
เราพูดกันตลอดเวลา ว่าเราเป็นห่วงคุณภาพของคนไทยที่นับวันยิ่งโง่ ไอคิวเด็กไทยต่ำลงทุกครั้งที่สำรวจ จนต่ำกว่าระดับเฉลี่ยของโลกไปแล้ว รัฐบาลไทยทำสิ่งที่ถูกต้องเมื่อให้ทุนสร้างภาพยนตร์ที่มีคุณค่าด้วยโครงการ ทุนไทยเข้มแข็ง พวกท่านได้รับคำชมเชยมากมายจากผู้คนในเรื่องนี้ นับเป็นย่างก้าวไปข้างหน้าที่สวยงาม แล้วทำไม แทนที่จะเดินหน้าต่อไป ท่านกลับหันหลังลงคลอง เพื่ออะไร?
ไม่ว่าพรรคใดจะเป็นผู้มีอำนาจ ส่วนอื่นๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการประจำ เป็นหมอ เป็นนักธุรกิจ ครูอาจารย์ หรือศิลปิน ล้วนยังต้องทำหน้าที่ของตนด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ต่อตัวเอง และลูกหลานสืบไป แผ่นดินของเราต้องดำรงอยู่ ซึ่งจะดำรงอยู่ได้ก็ด้วยคุณธรรมเท่านั้นเองจริงๆ ดิฉันเชื่อว่า การตัดสินใจของท่านในวันนี้ จะตามสิงสู่จิตสำนึกของท่านไปตลอดชีวิต ในวันที่เราไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ขอให้ท่านนึกถึงวันนี้ - - วันที่ท่านตัดสินใจไม่ทำหน้าที่ของท่านด้วยความกล้าหาญทางจริยธรรม ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างแท้จริง และปล่อยให้ความกลัวครอบงำตัวท่าน และคืบคลานเข้ากลืนพื้นที่สาธารณะทางสื่อจนหมดสิ้นไป ไม่เหลือพื้นที่หรืออากาศให้เราหายใจกันได้อีกเลย
มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/
นี่อาจเป็นข่าวร้ายสำหรับวงการภาพยนตร์ไทยอีกครั้ง จากเหตุการณ์เมื่อปี 2553 คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวิดิทัศน์ พิจารณาไม่ผ่านและไม่อนุญาตให้ฉายภาพยนตร์เรื่อง "Insects in the Backyard" ซึ่งกำกับโดย "ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์" เพราะมีเนื้อหาขัดต่อมาตรา 29 ในพ.ร.บ.ภาพยนตร์ พ.ศ. 2551
ด้วยเหตุผลที่ว่าหนังมีเนื้อหาทำลายและขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของรัฐและเกียรติภูมิของประเทศไทย เช่นบางฉากมีภาพลามกอนาจาร จึงมีความเห็นว่าไม่อนุญาตให้ฉาย
ผ่านมาเกือบ 2 ปี ปัญหาเก่าที่ยังค้างคาใจหลายๆคน ยังไม่ทันจางไปจากความทรงจำของคนดูหนัง ปัญหาที่ยังคงมีการถกเถียงก็เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ในวันนี้ (3 เม.ย.) ทีมงานผู้ผลิตได้ออกมาเปิดเผยทางเฟซบุ๊กว่าภาพยนตร์เรื่อง "เชคสเปียร์ต้องตาย" (ShakespeareMustDie) ไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการฯให้เผยแพร่ภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งก็คือการได้รับ "เรต ห" หรือ"ห้ามฉาย" นั่นเอง
โดยทีมงานเขียนผ่านสเตตัสว่า "หนังเรื่องนี้ ไม่ได้รับความเห็นชอบ "ให้ฉาย" จากกรรมการเซ็นเซอร์ จำนวน 7 คนเพราะเกรงว่าคนดูจะแยกไม่ได้ว่า อันไหน "เรื่องจริง" หรือ "เรื่องแต่ง" ก่อนที่จะระบุว่า "เราไม่ได้รับอนุญาต ให้ฉายในราชอาณาจักรไทย" และกล่าวยืนยันว่า "นี่คือ บทหนังที่ถอดมาจาก บทประพันธ์ของเชคสเปียร์ ตัวต่อตัว คำต่อคำ"
นี่อาจเป็นข่าวร้ายสำหรับวงการภาพยนตร์ไทยอีก ครั้ง จากเหตุการณ์เมื่อปี 2553 คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวิดิทัศน์ พิจารณาไม่ผ่านและไม่อนุญาตให้ฉายภาพยนตร์เรื่อง "Insects in the Backyard" ซึ่งกำกับโดย "ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์" เพราะมีเนื้อหาขัดต่อมาตรา 29 ในพ.ร.บ.ภาพยนตร์ พ.ศ. 2551 ด้วยเหตุผลที่ว่าหนังมีเนื้อหาทำลายและขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของรัฐและเกียรติภูมิของประเทศไทย เช่นบางฉากมีภาพลามกอนาจาร จึงมีความเห็นว่าไม่อนุญาตให้ฉาย ผ่านมาเกือบ 2 ปี ปัญหาเก่าที่ยังค้างคาใจหลายๆคน ยังไม่ทันจางไปจากความทรงจำของคนดูหนัง ปัญหาที่ยังคงมีการถกเถียงก็เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ในวันนี้ (3 เม.ย.) ทีมงานผู้ผลิตได้ออกมาเปิดเผยทางเฟซบุ๊กว่าภาพยนตร์เรื่อง "เชคสเปียร์ต้องตาย" (ShakespeareMustDie) ไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการฯให้เผยแพร่ภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งก็คือการได้รับ "เรต ห" หรือ"ห้ามฉาย" นั่นเอง ![]() "หนังเรื่องนี้ ไม่ได้รับความเห็นชอบ "ให้ฉาย" จากกรรมการเซ็นเซอร์ จำนวน 7 คนเพราะเกรงว่าคนดูจะแยกไม่ได้ว่า อันไหน "เรื่องจริง" หรือ "เรื่องแต่ง" ก่อนที่จะระบุว่า "เราไม่ได้รับอนุญาต ให้ฉายในราชอาณาจักรไทย" และกล่าวยืนยันว่า "นี่คือ บทหนังที่ถอดมาจาก บทประพันธ์ของเชคสเปียร์ ตัวต่อตัว คำต่อคำ" ![]() ต่อมาเว็บไซต์ shakespearemustdie.com ได้ เผยแพร่บันทึกการตรวจพิจารณาภาพยนตร์เรื่อง "เชคสเปียร์ต้องตาย" ซึ่งกรรมการ 4 คนจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ คณะที่ 3 ที่ลงนามในมติห้ามเผยแพร่หนังเรื่องนี้ในราชอาณาจักร เพราะมีเนื้อหาก่อให้เกิดการแตกสามัคคีระหว่างคนในชาติ ประกอบไปด้วย พล.ต.ต.เอนก สัมพลัง ประธานคณะกรรมการ, นายเขมชาติ เทพไชย กรรมการ, นายวีระชัพ ทรัพยวณิช กรรมการ และนายมานิตย์ ชัยมงคล กรรมการและเลขานุการ ขณะที่กรรมการอีก 3 ราย ที่ไม่ได้ลงนามในมติดังกล่าว ได้แก่ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ, นายอนุชา ทีรคานนท์ และนายสามารถ จันทร์สูรย์
ทั้งนี้ เฟซบุ๊ก Bioscope Magazine ได้ตัดทอนข้อความตามเอกสารการพิจารณาบางส่วนมาเผยแพร่ดังนี้
รายงานข่าวระบุว่า หลังจากส่งหนังเพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาจัดเรตติ้ง ไปตั้งแต่วันพุธที่แล้ว (28 มี.ค.) จนกระทั่งวานนี้ (2 เม.ย.) คณะกรรมการพิจารณาฯ ดูหนังไปแล้วถึงสามรอบ แต่ก็ยังไม่สามารถพิจารณาได้ ขณะที่ผู้สร้างก็ไม่ยอมตัดทอนส่วนใดส่วนหนึ่งออกจากห ทั้งนี้ในเว็บไซต์ของสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยระบุเรื่องย่อของภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้ว่า "เรื่องราวแห่งการเมืองและไสยศาสตร์ ที่แปลเป็นไทยอย่างซื่อตรงต่อต้นฉบับละคร “โศกนาฏกรรม แม็ตเบธ” ของวิลเลี่ยมเชคสเปียร์ กวีเอกของโลก โดยมีการดัดแปลงเพื่อให้เป็นภาษาภาพยนตร์ และเข้ากับบริบทของวัฒนธรรมไทย หนังผีเชคสเปียร์เรื่องนี้ดำเนินไปพร้อม ๆ กันสองโลก ในโลกของโรงละคร โลกของขุนพลกระหายเลือด มักใหญ่ใฝ่สูง งมงามในไสยศาสตร์ ผู้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นราชาโดยการฆาตกรรม และโลกภายนอก ในชีวิตร่วมสมัยของนักปกครองเผด็จการของประเทศสมมุติแห่งหนึ่ง ผู้ที่งมงายในไสยศาสตร์ โหดเหี้ยมบ้าอำนาจ ซึ่งมีชื่อเรียกว่าท่านผู้นำ และภริยาไฮโซน่าสะพรึงกลัวของท่าน เหตุการณ์ต่าง ๆ ในสองโลกแฝดนี้ ส่องสะท้อนเข้าหากัน ค่อย ๆ เริ่มซึมเข้าหากัน จนกระทั่งสุดท้ายมันประสานงากันอย่างรุนแรง และโหดร้าย เมื่อคณะละครต้องชดใช้ด้วยชีวิต โทษฐานอุตริแสดงละครเรื่องนี้ในสังคมที่ปกครองโดยมนุษย์ เช่นท่านผู้นำ พวกเขาคิดอย่างไรที่จะต่อสู้กับความกลัวด้วยศิลปะ" ล่าสุด มานิต ศรีวานิชภูมิ ในฐานะผู้อำนวยการสร้างได้ออกคำชี้แจง "แถลงข่าวเรื่อง หนังไทยเชคสเปียร์โดนแบนโดยรัฐบาลไทย" ในเว็บไซต์ shakespearemustdie.com ซึ่งมีใจความดังนี้:
|
2007 Free CSS Templates | Blogger Blog y Web
2007 Eclipse