Court upholds ban on “Shakespeare Must Die”

After five years of a court battle, the producer and director of the Thai-language film “Shakespeare Must Die” are disappointed when the Central Administrative Court on Friday (Aug 11) issued a ruling to uphold the ban on the film imposed by a censorship committee.

The petition was filed on Aug 9, 2012 by two petitioners — producer Manit Sriwanichpoom and director Samanrat Kanjanavanit– against the National Film and Video Censorship Board, the 3rd film and video censorship committee and the Cultural Promotion Department of the Culture Ministry, asking the Central Administrative Court to order the lifting of the ban imposed by the 3rd film and video censorship committee.

The 3rd film and video censorship committee issued an order on April 3, 2012 to ban the film from being shown in the country.

The Central Administrative Court ruled that the censorship committee imposed the ban because some parts of the film’s content may cause disunity among the people in the country, after deliberation.

Although the petitioners claimed that the country in the film is fictional, several scenes in the film reflected the Thai social condition and an event which happened in Thailand.

The censorship committee found one scene to have resembled the violent incident which took place on October 6, 1976.  In the scene, a group of men wore black shirts and wrapped a piece of red cloth around their heads, each holding a piece of wood, ran into a theatre where a play was being performed and hurt members of the audience, actors and actresses.  They hanged the director.  A man, wearing a pair of black glasses, beat the hanged director with an iron folding chair, amid cheering from the men with red cloth around their heads.

The committee found that this could cause resentment and dissatisfaction among the relatives or participants of that event and lead to hatred and disunity among the people in the country.

On April 3, 2012, when the 3rd film and video censorship committee and the two petitioners held a joint meeting, the committee told them make some changes to that controversial scene, Mr Manit and Ms Samanrat insisted that they could not do so because it could affect the main content of the film as well as the producer’ attempt to show the audience the bright and dark sides of human-beings, sins, the fight between the good and evil in men’s minds.

The Central Administrative Court stated that although film production is an occupation protected by the constitution, such right and freedom is still restricted by Section 29 of the Film and Video Act of 2008 which stipulates that a film must not go against law and order, national security and the country’s prestige.

The ban imposed by the 3rd film and video censorship committee on the film was not a restriction of rights and freedom of expression under Section 45 of the constitution, it said.

The court ruled that the censorship committee’s ban on the film is lawful and dismissed the petition.

The making of Shakespeare Must Die is party funded by the government and won several awards in international film festivals.  The film is an adaptation of William Shakespeare’s Macbeth, written about 400 years ago.  It is a story on a warrior who was imbued with power and led the country to catastrophe.

Mr Manit, the producer, and Ms Samanrat, the director, fought for five years to get the ban lifted, but are not successful. They plan to appeal against the court’s ruling.



 From   http://englishnews.thaipbs.or.th/court-upholds-ban-on-shakespeare-must-die/

ศาลปกครองให้เช็คสเปียร์ต้องตายยังคงเป็นหนังต้องห้าม

Thaibunterng ThaiPBS

หลังจากต่อสู้มานานถึง 5 ปี เพื่อให้มียกเลิกคำสั่งแบนภาพยนตร์ไทยเรื่อง Shakespear Must die แต่ในวันนี้ทีมงานและผู้กำกับภาพยนตร์ต้องผิดหวังอีกครั้ง เมื่อศาลปกครองมีคำสั่งยกฟ้องและให้คงการแบนเรื่องนี้ต่อไป

หนังไทยไปสุดขอบเซ็นเซอร์

ศิลป์สโมสร :

7 พ.ค. 56 | 13.00 - 13.30

http://program.thaipbs.or.th/entertainmentprogram/article184355.ece


Cr. ThaiPBS

เซ็นเซอร์ต้องตาย สู่การแก้ก.ม.ใหม่

เซ็นเซอร์ต้องตายสู่ พ.ร.บ.ภาพยนตร์ฉบับใหม่

Thu, 13/12/2012 - 20:12

 

เพราะต้องการถ่ายทอดความยากลำบาก ของผู้สร้างหนังภายใต้กฎหมายแบนภาพยนตร์ ทำให้ผู้กำกับ และผู้สร้างเชคสเปียร์ต้องตายเก็บประสบการณ์ ต่อสู้เรียกร้องสิทธิ์การฉายให้หนังตัวเองถ่ายทอดเป็นสารคดี ซึ่งกำลังจะเป็นส่วนหนึ่งในการเรียกร้องให้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติภาพยนตร์ และวิดีทัศน์ 2551

ต้องรอคอยคำตัดสินอย่างยาวนาน และผ่านการตอบคำถามเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่ต้องการนำเสนอ ภาพประสบการณ์ตรงจากการต่อสู้เรียกร้องสิทธิ์ให้ผลงานตัวเองนานเกือบ 8 เดือนของ มานิต ศรีวาณิชภูมิ และ สมานรัชฎ์ กาณจนะวณิช 2 ผู้สร้างหนัง เชคสเปียร์ต้องตาย ซึ่งถูกให้เรทห้ามฉายเป็นเรื่องที่ 2 ของไทย นำถ่ายทอดเป็นสารคดี "เซ็นเซอร์ต้องตาย" บอกเล่าถึงปัญหาระบบพิจารณาภาพยนตร์ และช่องทางการเรียกร้องสิทธิ์ในสังคมไทยที่ยังไม่เปิดกว้างมากนัก นำมาฉายให้คนในวงการภาพยนตร์ และผู้สนใจได้ชมกันในโอกาสครบรอบ 2 ปีการแบนภาพยนตร์ อินเซ็คอินเดอะแบ็คยาร์ด และวันสิทธิมนุษยชนโลก

จุลจักร จักรพงษ์ ผู้ชมภาพยนตร์ กล่าวว่า ดูแล้วก็รู้สึกว่าการแบนมันไม่ได้เป็นประโยชน์กับใครเลย


สมานรัชฎ์ กาณจนะวณิช ผู้กำกับภาพยนตร์ กล่าวว่า เราก็ถ่ายประสบการณ์ไว้ไม่ได้คิดจะมาเป็นหนัง แต่มันมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลเข้าไปเรื่อยๆ คนถามว่าสร้างแบบนี้ไม่กลัวโดนแบนอีกหรือ เราก็บอกว่าไม่เป็นไรก็สู้ แต่คราวนี้จะแบนด้วยเรื่องอะไรเพราะมันเกิดขึ้นกับเราจริงๆ

แม้จะยังไม่ถูกส่งเข้ากระบวนการพิจารณาเรตติ้ง แต่ผู้สร้างภาพยนตร์ยืนยันว่าจะเผยแพร่ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ให้มากที่สุด โดยจัดฉายตามสถานศึกษาและสถาบันต่างๆ แบบไม่เก็บค่าเข้าชม โดยอาศัยช่องว่างของ พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวิดีทัศน์ที่เปิดยกเว้นให้หนังที่ไม่ผ่านการตรวจพิจารณา สามารถฉายเพื่อการศึกษาได้ เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนร่วมลงชื่อใน ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ภาพยนตร์ฉบับปัจจุบัน ซึ่งคนในวงการภาพยนตร์ร่วมกับนักกฎหมายเว็บไซต์ ilaw.or.th ร่วมกันระดมความคิดเห็นร่างขึ้น 

ภาพยนตร์สารคดี เซ็นเซอร์ต้องตาย มีแผนเข้ารับการตรวจพิจารณาในเดือนมีนาคมปีหน้า ในช่วงเดียวกันกับที่เชคสเปียร์ต้องตาย เคยถูกส่งเข้ารับการพิจารณา ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรผู้สร้างก็ยืนยันว่าพร้อมจะยอมรับเพราะจุด ประสงค์สูงสุดคือการสะท้อนความเดือดร้อนของคนทำหนังไทยให้ ผู้มีอำนาจอย่างคณะกรรมการตรวจพิจารณาภาพยนตร์ได้รับรู้ผ่านการชมภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้




ที่มา http://news.thaipbs.or.th

ใครๆก็อยากดู "หนังโดนแบน" ผู้สร้างร้องถูกละเมิดลิขสิทธิ์บนโลกออนไลน์

Thu, 22/11/2012 - 21:25

หลังพยายามต่อสู้ในชั้นศาลเพื่อเรียกร้องให้สามารถเผยแพร่ภาพยนตร์ได้ใน ประเทศ ล่าสุดหนัง 2 เรื่องที่โดนแบน “Insects in the Backyard” และ “เชคสเปียร์ต้องตาย (Shakespeare Must Die)” ประสบปัญหาระลอกใหม่ เมื่อหนังที่ทุ่มเททำกลับถูกนำไปปล่อยให้ดาวน์โหลดบนโลกออนไลน์


ยังไม่ทันจะได้ออกฉายเพราะกลายเป็นหนังต้องห้ามตาม พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวิดีทัศน์ 2551 และอยู่ในขั้นฟ้องร้องศาลปกครอง แต่ผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง “Insects in the Backyard” และ “เชคสเปียร์ต้องตาย (Shakespeare Must Die)” กลับพบว่าหนังของตนเอง ถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ดาวน์โหลดภาพยนตร์ของต่างประเทศ ทั้งที่ยังไม่เคยได้ฉายอย่างเป็นทางการในไทยมาก่อน ทำให้วันนี้ผู้สร้างและผู้กำกับอย่าง ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ สมานรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ และ มานิต ศรีวานิชภูมิ ต้องเข้าแจ้งความกับ “กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี“ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ละเมิดลิขสิทธิ์และนำภาพยนตร์ทั้ง 2 ไปเผยแพร่บนโลกออนไลน์






“แย่มากๆ ครับ งานนี้ต้องเรียกว่าแย่มากๆ เลยที่เรามาเจอเรื่องแบบนี้อีก เราถูกแบนแล้วก็แย่แล้ว หนังไม่ได้ฉาย แถมมาเจอคนละเมิดอีก เอาหนังไปโดยที่ตัวเองไม่ได้ผลิต ไม่ได้สร้างเอง ไม่ได้ลงทุน แถมเอาไปปล่อยให้อีก มันกลายเป็นว่าพอหนังถูกละเมิด ผู้คนก็สนใจ แล้วก็กลายเป็นว่ามีมือดี มือผี เอาหนังเราไปขายต่ออีก มันสุดจะพูดนะครับ ถ้าถูกข่มขืน ก็ถูกข่มขืนซ้ำซ้อน อะไรอย่างนี้ครับ” มานิต ศรีวานิชภูมิ ผู้สร้างภาพยนตร์ ‘เชคสเปียร์ต้องตาย’


“คือเราเคารพกฎกติกาประเทศอยู่แล้ว ในกฎหมาย ถ้าเราไม่เคารพแต่แรก เราคงปล่อยโหลด ไม่ต้องสนใจว่าต้องผ่านกระบวนการเซ็นเซอร์หรือให้เรตด้วยซ้ำ และเราก็ผ่านกระบวนการตามขั้นตอนมาตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ถ้าเรามีติดใจ หรืออยากเผยแพร่โดยไม่สนใจกระบวนการทางกฎหมายแล้ว เราจะสนใจผ่านคณะกรรมการกระบวนการพิจารณาเพื่อ? เราจะไปฟ้องศาลปกครองเพื่อ? เราจะมาที่นี่เพื่อ?” ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ผู้กำกับภาพยนตร์ 'Insects in the Backyard'

การที่ภาพยนตร์ต้องห้ามทั้งสองเรื่องถูกเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต อาจทำให้ผู้สร้างถูกดำเนินคดีว่ามีส่วนรู้เห็น และยังสร้างความเสียหายหากศาลปกครอง ตัดสินให้เพิกถอนคำสังที่กระทรวงวัฒนธรรมห้ามฉาย และหากเป็นจริงการนำกลับมาฉายใหม่ของภาพยนตร์ทั้งสองเรื่อง ก็คงไม่เกิดประโยชน์และประสบความสำเร็จอย่างที่คาดไว้ เพราะทั้ง Insects in the Backyard” และ เชคสเปียร์ต้องตาย ถูกปล่อยให้ดาวน์โหลดทางอินเตอร์เน็ตไปก่อนหน้านี้แล้ว กลายเป็นเพียงการซ้ำเติมคนทำหนังไทยทั้งสองเรื่อง


“หนังเราถูกห้ามฉายอยู่ แล้วอยู่ๆ มามีให้โหลด เราก็รู้สึกเสียหาย ถ้าเราฟ้องแล้วชนะมา ใครจะมาดู? สมมติเราชนะคดีความ ฉายได้ แล้วใครจะมาดู? ก็เสียหาย เพราะว่าที่ให้ดาวน์โหลดเอย ขายเอย เราไม่ได้เงินด้วยนี่คะ” ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ผู้กำกับภาพยนตร์ 'Insects in the Backyard'





ที่มา : http://news.thaipbs.or.th/content/%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%86%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B9-%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%99-%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%82%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C

อุทธรณ์หนังเช็คสเปียร์ต้องตาย

ไทยบันเทิง

Shakespeare must die banned

ThaiPBS Eng.News (6 Apr 2012)

ผู้สร้างหนัง "เช็คสเปียร์ต้องตาย" เตรียมยื่นอุทธรณ์กรณีถูกแบน

ThaiPBS
http://news.thaipbs.or.th/



หลังจากถูกให้เรท ห. ห้ามฉาย ด้วยเหตุผลว่า สร้างความแตกแยกในสังคม ทำให้ทางผู้สร้างภาพยนตร์ "เช็คสเปียร์ต้องตาย"ตัดสินใจยื่นอุทธรณ์ผลการตัดสินของคณะกรรมตรวจการ พิจารณาภาพยนตร์ และรวบรวมรายชื่อของคนในแวดวงศิลปวัฒนธรรม เพื่อแสดงออกถึงการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพให้กับภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว