หนังไทยที่คนไทยยังไม่มีโอกาสได้ดู ศาลตัดสินให้ ‘เชคสเปียร์ต้องตาย’ ถูกห้ามฉายต่อไป

8.11.2017

 

ชะตากรรมของหนังเรื่อง ‘เชคสเปียร์ต้องตาย’ ยังคงอยู่ในวังวนของการถูกห้ามฉาย และคนไทยก็ยังไม่ได้มีโอกาสดูหนังเรื่องนี้ต่อไป หลังจากที่ศาลปกครองพิพากษาว่า ให้ยกคำร้องของผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ที่ขอให้ยกเลิกการแบนหนังเรื่องนี้ (หรือพูดง่ายๆ ก็คือตัดสินให้หนังเรื่องนี้ถูกแบนต่อไปนั่นเอง)

ศาลปกครองเห็นว่า ถึงแม้ประเทศในหนังเรื่องนี้จะเป็นเรื่องสมมติขึ้นมา แต่มีหลายฉากที่สื่อให้เห็นว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทย และถ้าหากถูกเผยแพร่ออกไปก็อาจทำให้เกิดความแตกแยกให้กับคนในชาติได้

‘เชคสเปียร์ต้องตาย’ เป็นหนังที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงิน (3 ล้านบาท) จากโครงการไทยเข้มแข็งภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงวัฒนธรรมเมื่อปี 2553 หนังเรื่องนี้อ้างอิงจากบทประพันธ์ของวิลเลียม เชคสเปียร์เรื่อง ‘แม็คเบ็ธ’ โดยมี สมานรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ เป็นผู้กำกับ (มันเลยดูย้อนแย้งพอสมควรเนอะ เมื่อหนังที่ภาครัฐให้เงินสนับสนุน แต่ก็ถูกภาครัฐด้วยกันเองสั่งแบน)

หลังจากที่หนังถ่ายทำเสร็จเรียบร้อย ทีมงานก็ได้นำตัวอย่างไปให้กองเซ็นเซอร์พิจารณาตามขั้นตอนเมื่อเดือนเมษายน 2555 ต่อมากองเซ็นเซอร์ตัดสินว่า ห้ามฉายหนังและจัดจำหน่ายหนังเรื่องนี้ในประเทศไทย โดยเปิดการ์ดท่าไม้ตายว่า มีบางฉากที่มีสัญลักษณ์ให้เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ทางการเมืองจน ‘อาจก่อให้เกิดการแตกแยกสามัคคีระหว่างคนในชาติ’

ทีมงานที่สร้างหนังเรื่องนี้ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล โดยคณะกรรมการเห็นว่า ควรแบนหนังเรื่องนี้ต่อไปตามความเห็นกองเซ็นเซอร์ มีรายงานของ ThaiPublica ที่ระบุว่า คณะกรรมการ (บางคน) ที่สนับสนุนให้แบนหนังเรื่องนี้มองว่า ถ้า ‘เชคสเปียร์ต้องตาย’ ถูกนำเอาไปฉายต่อสาธารณะอาจจะเกิดความร้าวฉานของคนในประเทศมากขึ้น

จึงกลายเป็นว่า ‘เชคสเปียร์ต้องตาย’ ถูกตัดสินให้แบนมาแล้วอย่างน้อย 3 รอบ รอบแรกจากกองเซ็นเซอร์ รอบที่สองจากคณะกรรมการคณะกรรมการภาพยนตร์ฯ และรอบที่ศาลเป็นคำตัดสินของศาลปกครองในวันนี้ อย่างไรก็ดี ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ ยืนยันว่าจะขอยื่นอุทธรณ์เพื่อสู้คดีต่อไป

ที่ผ่านมาหนังเรื่องนี้ถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีฉากเกี่ยวกับการเมืองไทยหลายฉาก เช่น เหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อ 6 ตุลาคม 2519 รวมถึง การอ้างอิงถึง 'ท่านผู้นำ' ที่เป็นเผด็จการบ้าอำนาจและ 'ภรรยาไฮโซ' ที่มีนิสัยแปลกประหลาด

อย่างไรก็ตาม หลายคนก็ตั้งคำถามว่า การแบนหนังเรื่องนี้ถือเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพการแสดงออกหรือไม่ อย่างที่ผู้กำกับเคยแถลงต่อศาลถึงผลกระทบของการเซนเซอร์หนังเอาไว้ว่า

“ความเป็นจริงในปัจจุบัน รวมทั้งโลกออนไลน์ หมายความว่า ไม่มีใครสามารถปิดกั้นการสื่อสารใดๆได้อีกในโลกนี้ ทำให้มาตรการแบนภาพยนตร์เป็นสิ่งที่ไร้สาระโดยสิ้นเชิง นอกจากจะไม่ได้ผลในการปิดกั้นข่าวสารข้อมูล มันยังทำให้ประเทศและวัฒนธรรมอ่อนแออีกด้วย ทั้งเป็นการกีดกันปัญญาชนของประเทศออกไปจากบทสนทนาของชาติ ซึ่งเป็นความสูญเสียอันใหญ่หลวงของสังคมไทย”

อ้างอิงจาก

http://www.shakespearemustdie.com/
https://thaipublica.org/2012/05/shakespeare-must-die/
https://news.voicetv.co.th/entertainment/514567.html
https://www.matichon.co.th/news/625411

 



 From   https://www.facebook.com/thematterco/photos/a.1735876059961122.1073741831.1721313428084052/1922922007923192/?type=3

0 comments: